ท่านสอนว่า ความทุกข์ทั้งหลายล้วนเกิดจากอุปทานความยึดมั่นถือมั่น ในขันธ์ ๕ ถ้าหากว่า เราไม่มีอุปทานความยึดมั่น ถือมั่นในขันธ์ ๕ หรือไม่มีอุปทาน ความยึดมั่นในตัวตนของตน " ปล่อยวาง" ในขันธ์ ๕ ปล่อยวางในตัวตนของตนก็จะรอดพัน ความทุกข์ทั้งปวงได้
เมื่อท่านเทศน์ธรรมกัณฑ์วิเศษนั้นจบลง ทันที่ที่ท่านกล่าวว่า" เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้" ชาวบ้านญาติโยมที่มานั่งฟังเทศน์ ต่างก็ อนุโมทนาขึ้นพร้อมๆ กันเสียงดังว่าสาธุ
มีคุณนายที่นั่งฟังเทศน์อยู่ด้วยในที่นั้นเกิดอาการปลาบปลื้มตื้นตันใจเป็น อย่างมาก
แหวdฝูงคนที่นั่งอยู่ขึ้นมาคุยกับหลวงปู่
เธอพูดอย่าง มั่นใจว่า
" หลวง ปู่เจ้าคะ ดิฉันได้ฟังหลวงปู่เทศน์แล้ว รู้สึกเบากายเบาใจ ดิฉันปล่อยวางได้หมดเลยเจ้าค่ะ "
หลวงปู่จึงกล่าวขึ้นมาด้วยความเมตตาว่า " อนุโมทนาด้วย คุณโยมที่ได้ดวงตาเห็นธรรม "
" จริงๆ นะคะหลวงปู่ ตอนนี้ดิฉันไม่ยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไปแล้ว ดิฉันปล่อยวางได้หมดเลยเจ้าค่ะ "
หลวงปู่เงียบไปซักพักแล้วพูดขึ้นเสียงดังว่า
"........อีตอแหล......"
คุณนายผู้ปล่อยวางได้แล้ว ได้ยินดังนั้นก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า พูดตอบกลับหลวงปู่ว่า
" ว้าย ตายแล้ว ทะ...ทำไม หลวงปู่จึงมาด่าอีฉันอย่างนี้ " ว่าแล้วก็ลุกพรวดพราดผลุนผลันด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เดินลงจาก ศาลาอย่างฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียด สมกับเป็นคนที่ " ปล่อยวางได้แล้วจริงจริง "
หลวงปู่มองดูอาการอย่างนั้นของคุณนาย ท่านก็หัวเราะ หึ...หึ.. ในลำคอ ขณะเดียวกัน บนศาลาการเปรียญก็เงียบกริบ ตามด้วยเสียงซุบซิบ บางคนก็หันหน้ามองกันแล้วยิ้ม
วิธีทดสอบการปล่อยวางนี้เป็นเทคนิคเฉพาะ ของหลวงปู่ตื้อห้ามลอกเลียนแบบโดยเด็ดขาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น